เป็นที่ทราบกันดีว่าในหลายธุรกิจ ต่างก็มีสินค้าและบริการ ที่ถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ถึงแม้ว่าบางแบรนด์จะมีราคาสินค้าค่อนข้างสูง และการจัดตั้งราคาต่างกัน คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะให้ความสนใจ และเชื่อมั่นในสินค้าจากแบรนด์นั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟ Starbucks ทำไมคนถึงชอบไปนั่งทำงานมากกว่าร้านกาแฟโดยทั่วไป หรือ Apple บริษัทฮาร์ดแวร์ชื่อดัง ที่สร้างสรรค์เทคโนโลยีอย่าง Iphone Ipad Mac ฯลฯ ผู้คนกลับเกิดความสนใจมากกว่าเจ้าอื่น ๆ นั่นก็เพราะ ธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้มีจุดขายแค่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นในเรื่องของ “เอกลักษณ์” ที่มีความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร สามารถดึงดูดความสนใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี และมีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้นักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะเรียกกันว่า จุดขาย หรือศัพท์ทางด้านการตลาด ก็คือ “Unique Selling Point” นั่นเอง
บทความนี้ SPARK Factor ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 5 กลยุทธ์สร้างจุดขายก้าวนำคู่แข่ง ด้วย 𝗨𝗻𝗶𝗾𝘂𝗲 𝗦𝗲𝗹𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗣𝗼𝗶𝗻𝘁 ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับธุรกิจของคุณ

Unique Selling Point คืออะไร
Unique Selling Point (USP) คือ ปัจจัยที่ทำให้สินค้า และ บริการของคุณ มีความโดดเด่นมากกว่าคู่แข่ง และมีความแตกต่าง โดยแบรนด์จะต้องรู้ว่า อะไร เป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าอยากซื้อ หรือเลือกใช้บริการของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้กำหนดทิศทางในการวางแผนทางการตลาดให้ดีขึ้น
การมีจุดขาย สำคัญอย่างไร
ความสำคัญของจุดขาย คือ การนำเสนอคุณค่าของธุรกิจ ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเกิดการบอกต่อ
หากสินค้าของคุณมีความน่าสนใจ ด้วยจุดขายที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภค จะสามารถทำให้มีโอกาสในการปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5 กลยุทธ์สร้างจุดขายด้วย USP ให้ตรงใจผู้บริโภค
1. การโฆษณา (Advertising)

ภาพจาก iphoneapptube.com
การโฆษณา ถือเป็นการสื่อสารจูงใจผู้บริโภค ที่จะช่วยโน้มน้าวใจให้กลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมคล้อยตาม และเกิดความสนใจได้เป็นอย่างดี นับเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้ USP หรือจุดขายสินค้าของเราได้จากการประชาสัมพันธ์บนช่องทางอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โปสเตอร์ วิทยุ บิลบอร์ด หรือช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ของธุรกิจ โดยข้อดีของการโฆษณา คือ ผู้บริโภคจะสามารถรับข้อมูลข่าวสารของสินค้าและบริการผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ลูกค้าได้รู้จักสินค้าของเราได้มากขึ้น
เคสกรณีศึกษาบริษัท Apple ที่ได้ทำการเช่าป้ายบิลบอร์ดบนทางด่วน เพื่อโปรโมตสินค้าโทรศัพท์ รุ่นใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดการจัดวางดีไซน์โฆษณาเพียงเล็กน้อย เช่น รูปมือถือ และข้อความสั้น ๆ คนก็กลับให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั้นก็เพราะแบรนด์ดังกล่าว ขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ
2. โซเชียลมีเดีย (Social Media) X Unique Selling Point

ภาพจาก Youtube : AIS
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “โซเชียลมีเดีย” เริ่มเข้ามามีบทบาท และมีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้น การสื่อสารสินค้าด้วย จุดขายที่โดดเด่น ด้วยข้อความ รูปภาพ วิดีโอ จะช่วยส่งเสริมการรับรู้ของแบรนด์ และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น จากแพลตฟอร์ม ที่สามารถพูดคุย และโต้ตอบกันได้แบบรวดเร็ว จะช่วยทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ และปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังมีต้นทุนที่ประหยัดไม่ต้องเสียเงินลงทุนซื้อโฆษณาแพง ๆ ก็สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายจากทั่วโลกได้ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียได้
ตัวอย่างการประชาสัมพันธ์ Unique Selling Point (USP) ผ่านโซเชียลมีเดียของ AIS ธุรกิจผู้ให้บริการโทรคมนาคม ซึ่งมีจุดขายในเรื่องของการให้บริการความเร็วอินเทอร์เน็ต สามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี น่าจดจำ ด้วยการทำโฆษณาลงบนแพลตฟอร์ม YouTube เชื่อมโยง Unique Selling Point แบรนด์ให้เข้าสู่กับ Metavese ที่กำลังเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลก ทำให้ธุรกิจมีภาพลักษณ์ ทันกระแส สามารถนำเสนอสินค้า เข้าถึงผู้คน และเป็นที่รู้จักได้อย่างมากขึ้น
3. คอนเทนต์ (Content Marketing)

ภาพจาก bigc.co.th
ในยุคการตลาดที่มีการแข่งขันสูง การทำคอนเทนต์สร้างเนื้อหาให้กลุ่มลูกค้าเป็นที่รู้จัก จะช่วยกระตุ้นให้สินค้าเกิดการรับรู้ และเข้าถึงแบรนด์ได้อย่างมากขึ้น การสร้างคอนเทนต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสาร ที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจภาพรวมของแบรนด์ ว่าสินค้าเรากำลังขายอะไร เหมาะกับกลุ่มแบบไหน ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ภาพนิ่ง วิดีโอ บล็อก บทความ หรืออื่น ๆ ยิ่งหากธุรกิจมี Unique Selling Point ที่โดดเด่นแล้ว จะสามารถทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจ ซื้อ-ขาย และบอกต่อกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ข้อดีของการทำคอนเทนต์ยังสามารถช่วยให้เราได้แสดงเห็นถึงความเชี่ยวชาญ ที่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างน้ำแร่ evian หากใครได้รู้จักที่มาของ สินค้าธุรกิจนี้แล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนความคิดในการบริโภคได้ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้ใช้ USP ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ โดยการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เล่าถึงที่มาของสินค้าว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ผ่านการเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจว่า “น้ำแร่แต่ละหยด เกิดจากน้ำฝน และหิมะ จากยอดเขาแอลป์ ไหลผ่านชั้นแร่ลึกลงไปในภูเขา ก่อนจะเกิดเป็นแหล่งน้ำแร่ ที่แต่ละหยด ใช้เวลาเดินทางยาวนานถึง 15 ปี” ซึ่งทำให้กลุ่มผู้บริโภคคนรักสุขภาพต่างให้ความสนใจ และมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่รู้สึกคุ้มค่า
4. การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) X Unique Selling Point

ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทุกคนต่างก็มีอุปกรณ์ดิจิทัลพกติดตัวกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค แล๊ปท๊อป ฯลฯ ดังนั้น การสื่อสารสินค้าที่มีจุดเด่นของ USP ผสมผสานการทำตลาดแบบดิจิทัลโดยใช้การโฆษณาผ่าน อีเมล บทความ เว็บไซต์ จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ได้อย่างมากขึ้น และยังสามารถรวบรวมข้อมูลจากตัวเลข มาวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาจุดขายของสินค้าเราให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ด้วยผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ง่าย จะช่วยให้สินค้าของเราเป็นที่รู้จัก และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
ตัวอย่างเคสธุรกิจ Nespresso แบรนด์เครื่องชงกาแฟ ที่ได้ทำการการตลาดดิจิทัล ประชาสัมพันธ์สินค้าหรือ แคมเปญของแบรนด์ผ่านอีเมล (Email Marketing) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และกลุ่มลูกค้าเก่า ด้วยการสร้างโฆษณาโปรโมตสินค้า ให้ความรู้เรื่องใหม่ ๆ และมอบโปรโมชัน ที่ช่วยให้เกิดการซื้อซ้ำ ผ่านข้อความ ”ทุกการซื้อ จะสามารถช่วยฟื้นฟูโครงการกาแฟให้อยู่ต่อได้” นับเป็นการโปรโมตจุดขายที่แตกต่าง ผ่านกลยุทธ์การตลาดได้ดีเลยทีเดียว
5. การตลาดผ่านการค้นหา (Search Marketing)

ภาพจาก google.com
การพัฒนา SEO หรือการทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ผ่านช่องทางของ Google ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจ ไม่ควรมองข้าม เพราะการตลาดผ่านการค้นหา หรือ Search Marketing จะช่วยสร้างการมองเห็น และเพิ่มการรับรู้ให้แบรนด์ของเราถูกค้นพบได้ง่าย ยิ่งธุรกิจมี 𝗨𝗻𝗶𝗾𝘂𝗲 𝗦𝗲𝗹𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗣𝗼𝗶𝗻𝘁 หรือ จุดขาย ที่โดดเด่นกว่าเจ้าอื่น ๆ จะสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง และเป็นการประชาสัมพันธ์ ให้เป็นที่รู้จักได้เป็นอย่างดี โดยอาจจะเริ่มจาก ตกแต่งเว็บไซต์ให้อ่านง่าย เขียนบทความด้วย Keyword ที่คนส่วนใหญ่ค้นหาเป็นจำนวนมาก เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างธุรกิจที่ทำการตลาดแบบค้นหาเกี่ยวกับ Digital Marketing เราจะเห็นได้ว่าองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ อย่าง Contentshifu, Nipa, Techsauce ก็จะมีโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงกลุ่ม Unique Selling Point (USP) ของสินค้าได้มากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์นั่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
สรุป
𝗨𝗻𝗶𝗾𝘂𝗲 𝗦𝗲𝗹𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗣𝗼𝗶𝗻𝘁 (USP) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้า และ บริการของคุณ มีความโดดเด่นมากกว่าคู่แข่ง การที่ทุกธุรกิจรู้จักกลุ่มเป้าหมาย สามารถหาความแตกต่างของสินค้า และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ จะช่วยให้แบรนด์ของคุณมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร และง่ายต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ซึ่งการใช้กลยุทธ์ทำโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์, สื่อโซเชียลมีเดีย, ดิจิทัลมาร์เก็ตติง และการพัฒนา SEO ให้ดียิ่งขึ้น จะช่วยประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณเป็นได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของสินค้า ถึงแม้ว่าจะมีจุดขายน่าสนใจ แต่ความต้องการของผู้บริโภคยังไม่ตอบโจทย์ ก็อาจส่งผลต่อยอดขายทางธุรกิจได้ ดังนั้น ทุกแบรนด์ควรหมั่นสำรวจความต้องการของผู้ซื้อ และคู่แข่งทางการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาสินค้าให้มีความโดดเด่น และน่าสนใจมากขึ้น
ที่มา
สุดท้ายนี้หากคุณชอบคอนเทนต์ดีๆเกี่ยวกับการตลาดแบบนี้
คุณสามารถอ่านคอนเทนต์อื่นๆจากทาง Spark Factor ได้ที่นี่
หรือ หากคุณกำลังมองหา Digital Marketing Agency ที่สามารถช่วยให้ของแบรนด์ของคุณ
ถูกสื่อสารไปหาลูกค้า และ เพื่อนำไปสู่การสร้างยอดขายได้คุณสามารถติดต่อมาหาเราได้ที่นี่ Spark Factor