หลายคนมักคุ้นเคยกับคำว่า Marketing ที่หมายถึงกระบวนการตลาดเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ในปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ ได้มีการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่ อย่างการตลาดสายมู (Muketing) ที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนไทย จากค่านิยม และความเชื่อได้อย่างแพร่หลายเพิ่มขึ้น
โดยบทความนี้ SPARK Factor ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 𝗠𝘂𝗸𝗲𝘁𝗶𝗻𝗴 การตลาดสายมู ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการกัน
ทำความรู้จักที่มาของสายมู

ไลลา อมูเลต
ภาพจาก Vogue Thailand
เทรนด์กระแสของการมูเตลูภายในประเทศไทยมาจากภาพยนตร์เก่าแก่ของประเทศอินโดนีเซีย ที่มีชื่อว่า มูเตลู ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์ อีกทั้งยังมีกระแสนิยมของตะกรุดแฟชัน กำไลข้อมือ ของขลัง อย่างเช่นแบรนด์ไลลาอมูเลต ที่ผสมผสานระหว่างแฟชัน กับความเชื่อ ให้สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้เกิดคำศัพท์สมัยใหม่ อย่าง ‘สายมู’ เป็นคำจำกัดความสำหรับบุคคลที่มีความเชื่อเพื่อเสริมดวงชะตาของตนเองให้เกิดความสิริมงคล ทั้งด้านโชคลาภ ความรัก และอื่น ๆ
ทำไมคนไทยถึงกลายเป็นสายมู (Muketing) กันเพิ่มมากขึ้น

จากผลสำรวจของ Marketing in the Uncertain World ของมหาวิทยามหิดล พบว่าคนไทยกว่า 52 ล้านคนมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องมูเตลู ไม่ว่าจะเป็น โชคลาภ การดูดวง สีมงคล หรือเบอร์มงคล เป็นต้น และภายในช่วงปีหลังความเชื่อเหล่านี้เริ่มเข้ามาสู่โลกออนไลน์กันเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้หลายแบรนด์มองเห็นช่องทางในการทำการตลาดรูปแบบใหม่ อย่าง 𝗠𝘂𝗸𝗲𝘁𝗶𝗻𝗴 ที่ใช้เรื่องความเชื่อของคนไทยมาทำคอนเทนต์ให้เข้าสินค้าของแบรนด์ตนเอง
ในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าสภาพความเป็นอยู่ และฐานะของคนไทยมีอุปสรรค และปัญหาเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ และรายได้ของคนสวนทางกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน เพราะอย่างนั้นผู้คนจึงมองหาที่พึ่ง หรือ สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล ศาสนา รวมไปถึงความเชื่อที่ทำให้คนไทยกลายเป็นสายมูเตลูกันมากขึ้น
ตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจกับกระแสมูเตลู (Muketing)
แบรนด์ไลฟ์สไตล์ และอาหารที่ใช้หลักการตลาดแบบมูเก็ตติง

รูปภาพโฆษณาแก้ปีชง ด้วยเมนูซันควิก
ภาพจาก Sunquick Thailand
การทำการตลาดสายมูผ่านไลฟ์สไตล์ และอาหารการกิน สามารถที่จะเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้การสอดแทรกความเชื่อความไปในรูปภาพประกอบการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น การแก้ปีชง, สถานที่ขอแฟน, หรือเทรนด์สีเสื้อมงคลในแต่ละวัน เป็นต้น การใช้ประเด็นจากค่านิยมทางความเชื่อด้านศาสนานี้จะทำให้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ ระหว่างลูกค้า และแบรนด์ได้ ยิ่งเนื้อหาจับใจผู้ชมได้มากเท่าไหร่ คอนเทนต์จะถูกโปรโมต แชร์บนโลกออนไลน์จนเกิดเป็นผลดีต่อสินค้า และแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้หลักการตลาดแบบ Muketing

บ้านเลขที่มงคล เสริมชีวิตให้ก้าวหน้า
ภาพจาก Sansiri
ความเชื่อเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของคนไทย มีมาอย่างยาวนาน อย่างเช่น การที่จะปลูกบ้านซักหลังหนึ่ง ต้องมีการดูฤกษ์ยามในการวางเสาเอก หรือการดูฮวงจุ้ยในการออกแบบบ้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ จึงได้หยิบยกประเด็นของเรื่องการมูเตลู มาทำเป็นโฆษณาในการขายโครงการ หรือเฟอร์นิเจอร์ในการตกแต่งบ้าน เพื่อดึงดูดใจกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เช่น โครงการของ แสนสิริ ที่ได้ทำการโฆษณาบ้านที่ได้คัดบ้านเลขที่เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับผู้พักอาศัย เป็นต้น
อนาคตของการตลาดสายมู จะมีทิศทางอย่างไร

อนาคตของการตลาดสายมู นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เข้ามาตอบสนองแบรนด์ได้อย่างยาวนาน และมีทิศทางที่เติบโตได้ไกลในอนาคต เพราะประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งมีผู้คนที่นิยมนับถือศาสนาที่หลากหลาย และเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้แบรนด์สามารถที่จะนำมาปรับใช้เพื่อออกแบบ สินค้า และ บริการ ให้ตอบสนองความต้องการของผู้คน จนขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น
สรุปเกี่ยวกับการตลาดสายมู
การตลาดสายมู (𝗠𝘂𝗸𝗲𝘁𝗶𝗻𝗴) เกิดจากค่านิยม และความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัตถุมงคล ดวง เป็นต้น โดยความเชื่อเหล่านี้ได้กลายเป็นการตลาดรูปแบบใหม่ที่เกิดกระแสอย่างมากภายในประเทศไทย ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจทั้งขนาดเล็กไปจนถึง ธุรกิจขนาดใหญ่ ได้นำเอาเรื่องของการมูเตลูมาประยุกต์ใช้ในการทำโฆษณาสินค้าของตนเองเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทั้งรายเก่า และรายใหม่
ทำให้การตลาดสายมูจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถเข้าถึง และตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ด้านความเชื่อของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น นับได้ว่าเป็นเทรนด์ในการทำการตลาดอีกหนึ่งรูปแบบที่สามารถเติบโตได้ไกลในอนาคต
ที่มา